Life and Health ชีวิตกับสุขภาพ

บล๊อกนี้สร้างขึ้นเพื่อแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับการเพิ่มความสุขในชีวิตด้วยด้วยวิธีการต่างๆ

  • Life and Health เมื่อความสุขสร้างได้ด้วยมือเรา
Posted by Life and Health 0 ความคิดเห็น

วิตามินเค (Vitamin K) คืออะไร
วิตามินเค (Vitamin K) มีอยู่หลายโครงสร้างเช่นเดียวกันกับวิตามินอี แต่ที่รู้จักกันมากคือวิตามินเค 1 หรือ Phylloquinone และวิตามินเค 2 หรือ Menaquinone ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการแข็งตัวของเลือดเมื่อเกิดบาดแผลตามร่างกาย เป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างสารที่ใช้ในการแข็งตัวของเลือด โดยตัว K นั้นมาจากคำว่า Koagulations-Vitamin ซึ่งก็คือวิตามินที่เกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือดนั่นเอง


เราจะะหาวิตามินเคได้จากที่ไหนบ้าง
วิตามินเค (Vitamin K) เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่แบคทีเรียในลำไส้สามารถสร้างวิตามินเคให้เราได้ครับ ดังนั้นอาการขาดวิตามินเค จึงเกิดขึ้นได้ยากมาก และวิตามินเคยังพบในอาหารพวก กะหล่ำปลี บรอลโคลี่ ผักโขม และน้ำมันพืชอีกด้วยครับ
ประโยชน์ของวิตามินเค
  • เมื่อเกิดบาดแผลจะทำให้เลือดแข็งตัวเร็ว
  • ในยามที่ไม่มีบาดแผลจะป้องกันไม่ให้เลือดแข็งตัว
แล้วถ้าขาดวิตามินเคล่ะ
  • เสี่ยงต่อภาวะเลือดออกง่ายโดยเฉพาะในเด็กแรกคลอด แพทย์จะฉีด วิตามินเค ให้ทุกรายเพื่อป้องกันโรคเลือดออกง่ายในเด็ก (Hemorrhagic Disease of Newborn)
  • เลือดออกตามอวัยวะต่างๆใต้ผิวหนัง
  • เกร็ดเลือดต่ำ
  • มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุน (Osteoporosis)
  • มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (Coronary Artery Disease)
แต่สำหรับผู้ที่ได้รับวิตามินเคมากเกินไปนั้นอาจทำให้เกิดอาการ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสียได้และในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์อาจทำให้เกิดภาวะดีซ่าน (Jaundice) ในเด็กแรกคลอดได้
...วิตามิน vitaminวิตามิน vitaminวิตามิน vitaminวิตามิน vitaminวิตามิน vitaminวิตามิน vitamin

Posted by Life and Health 0 ความคิดเห็น

วิตามินอี(Vitamin E)คืออะไร
วิตามินอี(Vitamin E) มีชื่อเรียกว่า Tocopherol ซึ่งเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน เป็นตัวต่อต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant ) ที่สำคัญมากตัวหนึ่ง และยังมีหน้าที่ป้องกันผนังเซลล์จากออกซิเจนที่จะมาทำลายเซลล์ วิตามินอีนี้มีหลายโครงสร้างด้วยกัน ซึ่งมีถึงแปดโครงสร้าง และแต่ละโครงสร้างนั้นก็มีฤทธิ์ไม่เท่ากัน

เราจะะหาวิตามินอีได้จากที่ไหนบ้าง
วิตามินอี(Vitamin E) พบได้ใน อะโวคาโด อัลมอนด์ เมล็ดข้าวสาลี เมล็ดทานตะวัน ธัญพืช และผักโขมเป็นต้น

ประโยชน์ของวิตามินอี
  • ป้องกันผนังเซลล์ถูกทำลาย(ทุกเซลล์นะครับ)
  • เสริมสร้างภูมิต้านทาน
  • แผลหายเร็ว
  • ผิวพรรณสดใส
แล้วถ้าขาดวิตามินอีล่ะ
  • การขาดวิตามินอีเพียงชนิดเดียวนั้นพบได้น้อย มักพบในผู้ที่มีปัญหาเรื่องการดูดซึมไขมันซึ่งจะส่งผลต่อวิตามินตัวอื่นที่ละลายในไขมันด้วย (วิตามินที่ละลายในไขมันนั้นก็จะถูกดูดซึมพร้อมไขมันในลำไส้ครับ)
  • ภูมิต้านทานต่ำลง
  • ทรงตัวลำบาก
  • ระบบประสาททำงานผิดปกติ และกล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular Disease) โรคหลอดเลือดแข็งตัว(Atherosclerosis) โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension) โรคพวกนี้อยู่ในกลุ่มเดียวกันครับ มักมาด้วยกัน
แต่ถ้าหากร่างกายวิตามินอีถ้าได้รับมากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ ปวดท้อง ตาพร่ามัว อ่อนเพลีย อาจทำให้เมื่อมีบาดแผลแล้วเลือดหยุดยากครับ
..วิตามิน vitaminวิตามิน vitaminวิตามิน vitaminวิตามิน vitaminวิตามิน vitaminวิตามิน vitamin

Posted by Life and Health 0 ความคิดเห็น

วิตามินดี(Vitamin D)คืออะไร
วิตามินดี(Vitamin D)เป็นกลุ่มของวิตามินที่สามารถละลายในไขมันได้ โดยมีสองตัวหลักๆคือ วิตามินดี 2 คือ Ergocalciferol และ วิตามินดี 3 คือ Cholecalciferol เป็นวิตามินที่ร่างกายสามารถสร้างเองได้โดยการกระตุ้นจากรังสียูวีบี (UVB) ซึ่งมีอยู่ในแสงแดด และเนื่องจากวิตามินที่ละลายในไขมันครับ ดังนั้นร่างกายจึงเก็บสะสมวิตามินดีได้ และมีส่วนช่วยในการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายอีกด้วย
เราจะหาวิตามินดี(Vitamin D)ได้จากที่ไหนบ้าง
วิตามินดีได้มาจากสองแหล่งครับ คือ จากการร่างกายสังเคราะห์ได้เองโดยการกระตุ้นของแสงแดดยามเช้า อย่างที่สองคือจากอาหาร โดยจะพบมากในตับ ปลา หอย ไข่แดง เนย แต่ปริมาณนั้นน้อยกว่าได้รับจากแสงแดด ดังนั้นถ้าหากคุณสามารถเดินออกไปรับแสงแดดตอนเช้าได้ในทุกๆวัน ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะขาดวิตามินดีนะครับ ยกเว้นในผู้ที่เป็นโรคที่ไม่สามารถสร้างวิตามินดี ก็อีกเรื่องนึงครับ
ประโยชน์ของวิตามินดี
  • ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม
  • ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง เพราะทำให้แคลเซียมและฟอสฟอรัสไปเก็บที่กระดูกและฟัน
  • ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
แล้วถ้าขาดวิตามินดีล่ะ
  • ในเด็กจะทำให้เกิดโรคกระดูกอ่อน(Rickets)
  • ในผู้ใหญ่ทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน(Osteoporosis) และโรคกล้ามเนื่ออ่อนแรงและกระดูกหักง่าย(Osteomalacia)
  • ฟันผุ
  • ดูดซึมแคงเซียมได้น้อยลง
วิตามินดีถ้าได้รับมากเกินไป
เนื่องจากวิตามินที่ละลายในไขมันนั้นสามารถสะสมในร่างกายได้ ทำให้มีโอกาสเกิดวิตามินดีเกิน ซึ่งที่อาการเกิดขึ้นคือ คลื่นใส้ อาเจียน ปัสสาวะมาก ท้องเดิน หรือมีหินปูนเกาะตามอวัยวะและเนื้อเยื่อ
..วิตามิน vitaminวิตามิน vitaminวิตามิน vitaminวิตามิน vitaminวิตามิน vitaminวิตามิน vitamin

Posted by Life and Health 1 ความคิดเห็น


วิตามินซี(Vitamin C)คืออะไร
วิตามินซี(Vitamin C) มีชื่อเรียกว่า กรดแอสคอร์บิก (Ascorbic Acid) เป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นต่อกระบวนการต่างๆในร่างกายทั้งในสัตว์และพืช วิตามินซี(Vitamin C) นี้เป็นที่รู้จักกันมานานแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ.1975 โดยกะลาสีเรือของประเทศอังกฤษได้สังเกตุว่า เหล่าลูกเรือมักเป็นโรคลักปิกลักเปิด หรือที่รู้จักกันในชื่อของโรคเลือดออกตามไรฟัน เนื่องจากไม่ได้รับประทานผักและผลไม้สด วิตามินซียังเป็นตัวกำจัดอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่สำคัญอีกด้วย

เราจะหาวิตามินซี(Vitamin C)ได้ที่ไหนบ้าง
วิตามินซี (Vitamin C) พบมากในผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น ส้ม มะนาว สับปะรด สตรอเบอรรี่ และผักสด เช่นมะเขือเทศ

ประโยชน์ของวิตามินซี

  • ป้องกันการเกิดโรคลักปิดลักเปิด
  • ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน (Collagen) ให้มีความแข็งแรงมากขึ้น
  • ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงต่อผนังหลอดเลือ
  • ช่วยให้แผลหายเร็ว
  • ลดการเกิดภาวะหลอดเลือดแข็งตัว
  • ช่วยลดโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
  • ช่วยให้วิตามินอี ทำงานได้ดีขึ้น

ถ้าขาดวิตามินซี ล่ะ
  • เป็นโรคลักปิดลักเปิด
  • เลือดออกง่าย
  • ภูมิต้านทานต่ำ
  • แผลหายช้า
ในกรณีที่กินวิตามินซีวันละ 1000 มิลลิกรัมขึ้นไปในบางคนอาจเกิดอาการคล้ายท้องเสียได้
..วิตามิน vitaminวิตามิน vitaminวิตามิน vitaminวิตามิน vitaminวิตามิน vitaminวิตามิน vitamin

Posted by Life and Health 3 ความคิดเห็น

วิตามินบี 12(Vitamin B12) คืออะไร
วิตามินบี 12(Vitamin B12) มีชื่อเรียกว่า Cobalamin ซึ่งวิตามินตัวนี้มีบทบาทสำคัญในการที่จะทำให้ระบบประสาท และเม็ดเลือดแดงทำงานเป็นปกติ มีความจำเป็นต่อการเผาผลาญอาหารในร่างกายในทุกเซลล์ จำเป็นต่อการสร้าง DNA กรดไขมัน และการสร้างพลังงาน วิตามินบี 12(Vitamin B12) เป็นวิตามินที่มีโครงสร้างซับซ้อนที่สุดในบรรดาวิตามินทั้งหมดซึ่งมีธาตุโคบอลท์ (Cobalt) เป็นส่วนประกอบ
เราจะหาวิตามินบี 12 ได้จากที่ไหนบ้าง
วิตามินบี 12(Vitamin B12) นั้นส่วนใหญ่พบในอาหารที่มาจากสัตว์ เนื่องจากวิตามินบี 12(Vitamin B12) ไม่มีในพืชครับ แต่จะมีอยู่ใน ปลา หอย และเนื้อ โดยเฉพาะเนื้อไก่กับตับครับ
ประโยชน์ของวิตามินบี 12
• ช่วยในการสร้างเซลล์
• ช่วยกรดโฟลิกในการสร้างเม็ดเลือดและ ป้องกันภาวะโลหิตจาง
• ช่วยให้ระบบประสาททำงานมีประสิทธิภาพดีขึ้น
ถ้าขาดวิตามินบี 12 ล่ะ
• เกิดภาวะโลหิตจาง
• ระบบประสาททำงานผิดปกติ
• อ่อนเพลีย
• ซึมเศร้า
• การทำงานของลำไส้ผิดปกติ
..วิตามิน vitaminวิตามิน vitaminวิตามิน vitaminวิตามิน vitaminวิตามิน vitaminวิตามิน vitamin

Posted by Life and Health 2 ความคิดเห็น


วิตามินบี 9(Vitamin B9) คืออะไร
วิตามินบี 9(Vitamin B9) มีชื่อเรียกว่า กรดโฟลิก (Folic acid) ซึ่งนิยมเรียกกันมากกว่าคำว่าวิตามินบี 9 ทำให้คนทั่วไปมักไม่รู้จักวิตามินชนิดนี้ แต่รู้จักกรดโฟลิก (Folic acid)แทน นับว่าเป็นวิตามินอีกตัวหนึ่งที่มีความสำคัญโดย กรดโฟลิก (Folic acid)นั้นจะทำหน้าที่ช่วยในการสังเคราะห์ DNA, RNA และช่วยวิตามินบี 12 ในการสร้างเม็ดเลือด ความต้องการกรดโฟลิก (Folic acid)จะมากขึ้นในกลุ่มคนบางกลุ่มคือ สตรีระหว่างตั้งครรภ์ ผู้ที่มีภาวะโลหิตจาง ร่างกายมีการสูญเสียเลือด เนื่องจากมีการใช้พลังงานมากและมีการหมุนเวียนของการสร้างเซลล์มาก
เราจะหากรดโฟลิกได้จากที่ไหนบ้าง
กรดโฟลิกพบได้ทั้งใน ธัญพืช ตับ ผักกาดหอม และถั่วลิสง
ประโยชน์ของกรดโฟลิก
• เพิ่มปริมาณเม็ดเลือดแดงในเลือด โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ และผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย (Thalassemia)
• ป้องกันการเกิดโรคผิดปกติของ "ท่อระบบประสาท (Neural Tube Defect) ในเด็กเมื่อแม่ที่ตั้งครรภ์ได้รับวิตามินนี้ ดังนั้นในคนท้อง แพทย์จึงนิยมให้กรดโฟลิกกลับไปรับประทานด้วย
• ป้องกันโรคโลหิตจาง
• เจริญอาหาร
ถ้าขาดกรดโฟลิก ล่ะ
• เหนื่อย อ่อนเพลีย
• เป็นโรคซีดชนิดเม็ดเลือดแดงใหญ่(Megaloblastic Anemia)
• ในหญิงตั้งครรภ์ อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ถ้าขาดวิตามินชนิดนี้ทำให้ ลูกที่เกิดมาเป็นโรคผิดปกติของ "ท่อระบบประสาท (neural tube defect)"ได้
..วิตามิน vitaminวิตามิน vitaminวิตามิน vitaminวิตามิน vitaminวิตามิน vitaminวิตามิน vitamin

Posted by Life and Health 1 ความคิดเห็น

วิตามินบี 6(Vitamin B6)คืออะไร
วิตามินบี 6(Vitamin B6) มีชื่อเรียกว่า Pyridoxine เป็นสารที่จำเป็นต่อการสร้างดีเอ็นเอ (DNA) และจำเป็นต่อการสร้างน้ำตาลกลูโคสจากไกลโคเจน (Glycogen) การสร้างสารสื่อประสาท การสร้างเม็ดเลือดแดง การสร้างกรดอะมิโน (Amino Acid) และช่วยในการดูดซึมคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน

แล้ววิตามินบี 6 หาได้ที่ไหนบ้าง
วิตามินบี 6 พบได้ในอาหารทั่วไปทั้ง ปลา ตับ เนื้อ ไข่ เมล็ดพืช
ประโยชน์ของวิตามินบี 6
  • ช่วยการดูดซึมวิตามินบี 12
  • ลดอาการเกิดปลายประสาทอักเสบ
ถ้าขาดวิตามินบี 6 ล่ะ
  • ปลายประสาทอักเสบ
  • ในเด็กแรกเกิดอาจทำให้เกิดอาการชักได้
  • การตอบสนองของประสาทช้าลง
  • เบื่ออาหาร
..วิตามิน vitaminวิตามิน vitaminวิตามิน vitaminวิตามิน vitaminวิตามิน vitaminวิตามิน vitamin

Subscribe to My Blog

Subscribe Here